สหกรณ์โคเนื้อฯ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2536 เริ่มจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีโครงการปรับปรุงพันธุกรรมและสมรรถภาพการผลิตโคพันธุ์กำแพงแสน เมื่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งโครงการก็จะมีลูกโคทั้งเพศผู้ เพศเมีย เพศเมียใช้เป็นแม่พันธุ์ เพศผู้มีเพียงบางส่วนที่สามารถนำมาเป็นพ่อพันธุ์ได้ โดยเฉลี่ยในเพศผู้ 100 ตัว สามารถทำเป็นพ่อพันธุ์ได้เพียง 20 ตัว เท่านั้น เลยเกิดปัญหาว่าโคที่เหลือจะไปทำอะไร ก็เป็นจุดเริ่มต้นสหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จำกัด ขึ้นมา โดยสหกรณ์ดำเนินการ เปิดรับสมาชิกทั่วประเทศแต่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของโครงการปรับปรุงพันธุกรรมและสมรรถภาพการผลิตโคพันธุ์กำแพงแสน และก็จะมีสมาชิกทั่วไป (ก็คือซื้อลูกโคมาขุนเอง โดยไม่มีแม่พันธุ์ก็ได้) ปัจจุบันสหกรณ์โคเนื้อฯ มีสมาชิก จำนวน 228 คน
โคพันธุ์กำแพงแสนเกิดจากโค 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์พื้นเมืองไทยบราห์มันและพันธุ์ชาโลเลส์ การนำเอาโค 3 สายพันธุ์เข้ามาผสมกันก็คือการนำเอาข้อดีพันธุ์ไทยพื้นเมือง ทนร้อน เลี้ยงลูกเก่ง ให้ลูกมาก หรือเรียกง่ายๆ ว่ามีความสมบูรณ์พันธุ์ แต่ก็มีข้อเสีย คือโครงสร้างเล็กอัตราการเจริญเติบโตช้า ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เลยนำโคพันธุ์บราห์มันซึ่งมี ข้อดีคือโครงสร้างใหญ่ เข้ามาปรับปรุงพันธุ์ โดยช่วงแรกการผสมใช้พันธุ์ พื้นเมืองไทย+พันธุ์บราห์มัน ลูกที่ออกมาจะเป็น 50:50 เราก็จะทำการคัดเลือกตัวเมียมาแล้วผสมพันธุ์ชาโลเลส์เข้าไป ข้อดีของพันธุ์ชาโลเลส์ก็คือเป็นโคทีมีอัตราการเจริญเติบโตสูง และมีลักษณะของการเป็นโคเนื้อมากก็คือมัดกล้ามเนื้อที่ดีมาก เมื่อผสมรวมกันแล้วก็จะได้โคที่มีทั้งอัตราการเจริญเติบโตที่ดีโครงสร้างที่ใหญ่ ความสมบูรณ์พันธุ์ยังดีอยู่ เหตุผลที่ไม่นำเอาพันธุ์บราห์มัน มาผสมกับพันธุ์ชาโรเลส์ เพราะว่าพันธุ์บราห์มันมี ข้อเสียเป็นโคที่ค่อนข้างขี้อายและความสมบูรณ์พันธุ์ต่ำ
ขั้นตอนการดำเนินงานสหกรณ์ รับลงทะเบียนโคที่เป็นพันธุ์กำแพงแสน หรือเลือกโคเนื้อสายเลือดยุโรป 50% เพศผู้เท่านั้น อายุประมาณ 10-24 เดือน (ฟันแท้ไม่เกิน1คู่) น้ำหนักประมาณ 350 กก. โดยทางสหกรณ์มีอนุกรรมการฝ่ายผลิตเข้าไปสำรวจถ้าผ่านการตรวจก็ติดเบอร์ที่หูให้ภายใน 10 วัน โดยสหกรณ์ก็จะแจ้งกลับไปยังตัวสมาชิกว่าโคตัวนี้สหกรณ์รับลงทะเบียนเข้าขุนแล้ว จากนั้นทางสหกรณ์ก็จะคำนวณอัตราการเจริญเติบโต และวันที่ส่งตลาดให้แก่สมาชิก อย่างคร่าวๆ หลังจากนั้น อีก 90 วัน ทางสหกรณ์ก็จะมีคณะอนุกรรมการออกไปตรวจแล้วก็ให้คำแนะนำอีกรอบส่วนน้ำหนักต้องอยู่ที่ประมาณ 550 กก. และต้องผ่านการขุนมา 8-10 เดือน เมื่อได้ตามหลักเกณฑ์ก็จะส่งเข้ามายังโรงฆ่า (โรงฆ่าของศูนย์วิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
ธุรกิจด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์อยู่ในรูปเนื้อแช่แข็ง จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกส่งให้ตลาดทั่วไปก็คือ ห้าง/บริษัท สหกรณ์จะบ่มซากที่ 0-3 องศา ประมาณ 7 วัน ก็ส่งขาย อีกส่วนทางสหกรณ์ก็ตัดแต่งเอง โดยตัดในรูปเนื้อถาด/เนื้อแพ็คลงถาด บ่มประมาณ 14-20 วัน แล้วแต่ชิ้นส่วนก่อนการส่งขาย เหตุผลที่เราต้องบ่มก่อนส่งออกขายก็เพราะโคที่ฆ่ามาใหม่ๆ จะมีการทำงานของเซลล์ยังไม่สิ้นสุดเราต้องการให้การทำงานเซลล์ สิ้นสุดจะมีเอ็นไซส์มาย่อยสลายทำให้เนื้อนุ่มขึ้น (อายุของเนื้อขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา) เน้นที่โคอายุน้อยประมาณ 20-24 เดือน น้ำหนักประมาณ 500-550 กก. และมีธุกิจสินเชื่อโดยสหกรณ์มีเงินกู้สำหรับการขุนโคให้สมาชิกกู้ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6ต่อปี โดยมีหลักเกณฑ์คือ โค 1 ตัว สามารถกู้ได้ 50,000 บาท สมาชิก 1 ราย กู้ได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ หุ้นของสมาชิกที่มีอยู่กับสหกรณ์โคเนื้อและบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์โคเนื้อ
สหกรณ์ให้ราคาตามคุณภาพซากที่สมาชิกทำได้ สมาชิกคนไหนเลี้ยงโคคุณภาพดี ก็ได้ราคาสูงโดยสมาชิกจะเป็นผู้ขนส่งซากโคเข้ามาที่สหกรณ์เอง พูดถึงรายได้ของสหกรณ์ ก็มาจากการขายหนังและเครื่องในที่มากับโค รายได้จากการขายเนื้อตัดแต่ง แต่เราเน้นที่สมาชิกอยู่ได้ โดยสหกรณ์เป็นคนกลางในการจัดจำหน่ายให้กับสมาชิกเท่านั้น ผลิตภัณฑ์โคเนื้อที่สหกรณ์ต่างจากที่อื่น คือเป็นเนื้อปลอดสารพิษทางสหกรณ์จะไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดงในอาหาร และยาปฏิชีวนะ ที่มีส่วนเร่งการเจริญเติบโต
ปัจจุบันสหกรณ์โคเนื้อฯ กำลังดำเนินการไปได้ดีความต้องการมีอยู่สูง แต่ลูกโคที่เข้าขุนยังมีปริมาณน้อยอยู่อยากให้เกษตรกรที่มีความสนใจที่จะเลี้ยงโคขุน เชิญมาเป็นสมาชิกที่สหกรณ์ฯ ได้และอย่าลืมโคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ไขมันน้อย จากโคพันธุ์กำแพงแสน ของสหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน จำกัด